Thursday, 28 March 2024

หญิงวัย41ป่วยซึมเศร้า นำโฉนดบ้าน-ที่ดินขายฝากนายทุน สุดท้ายโดนฟ้องขับไล่ – โพสต์ทูเดย์ ข่าวภูมิภาค


หญิงวัย41ป่วยซึมเศร้า นำโฉนดบ้าน-ที่ดินขายฝากนายทุน สุดท้ายโดนฟ้องขับไล่

วันที่ 01 มี.ค. 2565 เวลา 08:29 น.

บุรีรัมย์-หญิงวัย 41 นำโฉนดบ้านที่ดินขายฝากนายทุน สุดท้ายโดนฟ้องขับไล่ วอนหน่วยงานเกี่ยวข้องช่วยเหลือ ไม่รู้จะพาแม่วัย76และลูกหลานไปอยู่ไหนดี

นางกชพร เจือจันทร์ อายุ 41 ปี ชาวอำเภอบ้านกรวด จังหวัดบุรีรัมย์ ร้อขอความช่วยเหลือว่า ได้นำโฉนดที่ดิน 2 แปลง คือ สวนยางพารา 15 ไร่ และบ้านพร้อมที่ดินอีก3ไร่ไปทำสัญญาขายฝากไว้กับนายทุน ราคา 1,050,000 บาท เมื่อปลายปี 2557 แต่ต่อมาพบว่านายทุนได้ระบุยอดขายฝากในสัญญา 1,500,000 บาท ต่อมา ปลายปี 2558 พบว่าที่ดินทั้ง 2 แปลงได้ถูกเปลี่ยนเป็นชื่อของนายทุนที่รับขายฝาก

จากนั้นนายทุนให้ทำสัญญาเช่าอยู่อาศัยในบ้านของตัวเองเดือนละ 500 บาท แต่นางกชพรจ่ายค่าเช่าไม่ต่อเนื่องเพราะมีปัญหาเรื่องสุขภาพทำงานไม่ได้ ทั้งมีภาระต้องดูแลแม่ที่ชราวัย 76 ปี ลูก 2 คน และหลานอีก 1 คนจนถูกนายทุนฟ้องขับไล่ออกจากบ้านที่อาศัยอยู่กับครอบครัวซึ่งศาลมีคำสั่งให้ย้ายออกจากภายวันที่ 4 มี.ค.2565 ไม่รู้ว่าจะพาแม่และลูกหลานไปอยู่ที่ไหน เครียดถึงขั้นเคยคิดสั้นหนี้ปัญหาแต่ก็สงสารแม่ และลูกหลาน

สาเหตุที่ต้องนำโฉนดบ้านและที่ดินไปขายฝากกับนายทุน เนื่องจากเมื่อ 9 ปีก่อนตอนที่ตนยังอยู่กับสามีเก่า ซึ่งทำงานเป็นเจ้าหน้าที่ ธกส.แห่งหนึ่ง เปิดลานรับซื้อยางก้อนถ้วยแต่เกิดขาดสภาพคล่องจึงไปยื่นกู้เงินธนาคาร 800,000 บาท นำโฉนดบ้านและที่ดินไปเป็นหลักทรัพย์ค้ำประกัน ตอนแรกก็ส่งผ่อนชำระเป็นปกติ แต่พออดีตสามีเกิดอุบัติเหตุรถชนก็เริ่มมีปัญหาในครอบครัวกระทั่งเลิกรากับอดีตสามี

จากนั้นก็ทิ้งภาระหนี้สินให้แบกรับคนเดียว จนเกิดภาวะเครียดป่วยซึมเศร้าถึงขั้นต้องเข้ารักษาตัวที่ รพ.ถึง 3 วันจากนั้นก็ไปทำงานรับจ้างต่างจังหวัดเพื่อพยายามหาเงินมาใช้หนี้ก็ทำได้5 – 6 เดือน ก็ต้องกลับมาบ้านเพราะภาวะป่วยซึมเศร้ากำเริบแต่ก็พยายามจะหางานทำเพื่อหาเงินใช้หนี้ธนาคารเพราะกลัวจะถูกยึดบ้านและที่ดินกระทั่งพี่สะใภ้มาชวนลงทุนทำพลอยที่กรุงเทพฯแต่ไม่มีเงินจึงมีคนแนะนำว่าให้นำโฉนดบ้านและที่ดินไปขายฝากซึ่งบ้านพร้อมที่ดินและที่สวนยางเป็นชื่อของแม่ไปทำสัญญาขายฝากที่สำนักงานที่ดินประโคนชัย หลังจากทำสัญญาเสร็จนายทุนก็ชำระหนี้ธนาคาร 640,000 บาทในวันนั้น หักเงินต้นและดอกเบี้ยล่วงหน้า 3 เดือน โดยตนได้รับเงินสดมาเพียง 230,000 บาทในสัญญากำหนดให้ชำระทั้งต้นพร้อมดอกเบี้ยเดือนละ 26,250 บาท เป็นเวลา 1 ปี จากนั้นก็ต้องหาเงินมาไถ่ถอนโฉนดคืน

หลังจากที่ได้เงินสดมา 230,000 บาทก็นำเงิน 70,000 บาทไปลงทุนทำพลอยกับพี่สะใภ้แต่กลับถูกโกงทำให้สูญเงินไปเปล่าๆ 70,000 บาท พอช่วงประมาณปลายปี 2558 จะครบกำหนดสัญญาขายฝากแล้ว จึงไปปรึกษาหน่วยงานรัฐว่าพอมีแนวทางจะทำอะไรได้บ้าง แต่เมื่อเจ้าหน้าที่ตรวจสอบเลขที่โฉนดทั้ง 2 แปลงพบว่าไม่สามารถทำอะไรได้ เนื่องจากที่ดินถูกเปลี่ยนชื่อของบุคคลอื่นแล้ว กรณีที่เกิดขึ้นก็จึงอยากวิงวอนให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องช่วยเหลือและขอความเมตตาจากนายทุนว่าพอจะไกล่เกลี่ย หรือทำอย่างไรได้บ้างที่ครอบครัวจะอยู่บ้านหลังดังกล่าวได้ เพราะไม่รู้จะไปอยู่ที่ไหน



สนับสนุนโดย ufabet | betflix | ดูซีรีย์ออนไลน์